ข่าว

จับชายชาวจีน ยึดบัตรเอทีเอ็ม 2,057 ใบ ตระเวนกดเงินกลางเมือง คาดเชื่อมโยงเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ

แชร์ข่าว

วันที่ 24 ตุลาคม 2568 เวลา 11.00 น. ที่ร้านกาแฟปันรักษ์ สภ.เมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลทฤษ ชัชวาลย์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย, พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.เมืองเชียงราย, พ.ต.อ.อนุพันธ์ กันถารัตน์ ผกก.สภ.เชียงแสน, พ.ต.ท.ธนวินท์ พวงมะลิ สว.ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.2 (ตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย), เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการจับกุมชาวจีนต้องสงสัยลักลอบกดเงินจำนวนมากในเขตตัวเมืองเชียงราย

โดยสามารถจับกุม Mr. HU อายุ 35 ปี ชาวมณฑลหูเป่ย์ สัญชาติจีน พร้อมของกลาง บัตรเอทีเอ็มจำนวน 2,057 ใบ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โน้ตบุ๊ก Lenovo 1 เครื่อง เงินสดรวม 537,900 บาท และเอกสารการทำธุรกรรมจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่พบขณะออกตรวจพื้นที่หน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนธนาลัย ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม เวลา 00.04 น. ผู้ต้องหามีท่าทางพิรุธและพยายามหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้

จากการตรวจค้นห้องพักเพิ่มเติม พบของกลางจำนวนมากตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ผู้ต้องหาให้การเบื้องต้นว่า ทำหน้าที่กดและโอนเงินตามคำสั่งของชาวจีนรายหนึ่งที่ติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน “Lark” ซึ่งเข้าข่ายเป็นเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา

มีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยมิชอบเพื่อนำออกใช้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวเพื่อให้มีการซื้อขายหรือให้ยืมบัญชีเงินฝากหรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ สภ.เชียงแสน ยังจับกุม นายรุ่งโรจน์ อายุ 35 ปี ชาว อ.แม่ฟ้าหลวง พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคาร 34 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 38 ใบ และซิมการ์ด 39 ซิม หลังรับพัสดุจากบริษัทขนส่งเอกชนบริเวณหน้าด่านสามเหลี่ยมทองคำ พบเป็นการส่งต่อบัญชีและบัตรไปยังประเทศลาวให้กลุ่ม “จีนเทา” ใช้ในแก๊งสแกมเมอร์ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลและยึดทรัพย์ตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ระบุว่า การจับกุมทั้งสองกรณีสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และการร่วมมือของประชาชนที่แจ้งเบาะแสจนสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้ โดยถือเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งตำรวจจะเร่งดำเนินการตัดวงจรทั้งหมด

“สิ่งสำคัญคือยังมีประชาชนจำนวนมากที่หลงเชื่อกลโกงต่าง ๆ ผ่าน SMS หรือโซเชียลมีเดีย จึงต้องเร่งสร้างความรู้เท่าทัน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้อีก” ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายกล่าว

Kao Krai News

Recent Posts