วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองเชียงราย แถลงผลการปฏิบัติการทลายเครือข่าย “ม้าถอนเงิน” จับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ยึดเงินสดรวมเกือบ 400,000 บาท พร้อมของกลางหลายรายการ หลังเจ้าหน้าที่ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนจาก War Room สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีกลุ่มบัญชีม้ากดถอนเงินที่ธนาคารในห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองเชียงราย
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ พบ นายชนชนม์ กำลังถอนเงินสดจากบัญชีที่ถูกใช้เป็นบัญชีม้า ก่อนตรวจสอบย้อนหลังพบว่าได้รับเงินเข้าบัญชีรวมกว่า 900,000 บาท ภายในสองวัน และกำลังเตรียมนำเงินไปส่งให้เครือข่าย
จากการสอบสวน นายชนชนม์ให้การซัดทอดว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 รายอยู่ภายในห้าง แต่ได้หลบหนีออกไปขึ้นรถยนต์มาสด้าสีแดง เจ้าหน้าที่จึงเร่งติดตามอย่างกระชั้นชิด โดยมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงของ ซึ่งพบรถกลุ่มขบวนการ จึงแจ้งชุดจับกุม และสกัดจับได้ที่ริมถนนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง (บริเวณสนาม รด.) ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย ผู้ต้องหาทั้งสี่ประกอบด้วย
– นายธีรยุทธ
– นางจีรวรรณ
– นายมานะ
– นายกันทรากร
การตรวจค้นพบเงินสด 371,000 บาท และนางจีรวรรณมอบเพิ่มอีก 20,000 บาท รวมของกลางเงินสดทั้งสิ้น 373,000 บาทพร้อมรถยนต์ 1 คัน สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง และสร้อยคอลักษณะคล้ายทองคำ 2 เส้น
ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา ตามบทบาทของแต่ละราย รวมถึงความผิดฐาน
– เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก
– ร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
– อั้งยี่–ซ่องโจร
– ธุระจัดหา–โฆษณาเพื่อให้ซื้อขายหรือใช้บัญชีม้า
ทั้งหมดถูกส่งต่อให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงรายดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.มานพ เสนากูล เปิดเผยว่า ขบวนการดังกล่าวทำงานเชื่อมโยงกับกลุ่มในประเทศเมียนมา ทำหน้าที่รับคำสั่งให้ตระเวนถอนเงินจากบัญชีม้าและนำส่งต่อชายแดน โดยพบว่ามี ผู้เสียหายจากจังหวัดแพร่ ถูกหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีเครือข่ายนี้เช่นกัน ซึ่งตำรวจสามารถติดตามคืนได้กว่า 100,000 บาท ส่วนรูปแบบการหลอกลวงยังเป็นลักษณะเดิม เช่น การชักชวนให้ลงทุน โดยให้สแกนคิวอาร์โค้ดซื้อสินค้าในเพจปลอม ก่อนถูกหลอกให้โอนเงิน
ด้าน พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ระบุว่า ปัจจุบันยังพบพฤติกรรมใหม่ของขบวนการนี้ คือ ไม่ได้จ้างให้เปิดบัญชีม้า แต่ใช้วิธี “ขอโอนผ่านบัญชีบุคคลทั่วไป” และให้ผู้รับโอนไปถอนเงินแทน พร้อมให้ค่าตอบแทนครั้งละประมาณ 1,000 บาท ซึ่งผู้ที่ยินยอมทำเช่นนี้ถือว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิดกฎหมายเช่นกัน
